Friday, October 12, 2007

ตอนอวสาน

ก่อนที่จะมาเป็นงานชิ้นสุดท้าย ก็หลงทางไปมาหลายทาง แต่ก็กลับมาได้แบบโซเซๆ
งานชิ้นนี้มีที่มีจากอาการความจำเสื่อม หรือ Alzhiemer
โดย อาการของผู้ป่วยโรคนี้คือจะพูดซ้ำซาก วกวน
เมื่อได้โครงนี้มาแล้วก็หาอย่างอื่นเพื่อจะมาอธิบายโครนี้ให้ชัดจนมากยิ่งขึ้น
ก็ได้ไปพบกับนิทานไม่รู้จบ ที่จะวนกลับมาต้นเรื่องเสมอ
ไม่ว่าผู้เล่าจะเล่าไปถึงตรงไหน ก็สามารถที่จะวกกลับมายังตอนต้นเรื่องได้เสมอ
จึงได้คุณสมบัติบางอย่างจากการเล่านิทานมา
นั้นคือ นิทานจะมีจุดเริ่มต้นเรื่องที่แน่นอน ทำให้มีช่องที่จะย้อนกลับมาได้เสมอ
ดังนั้น ก็เริ่มทำงานจบ ตัวเองได้คิดไปถึงการนอนหลับแล้วฝัน
เพราะการนอนลงหลับเป็นเหมือนต้นเรื่องของนิทาน เมื่อคุณฝันก็เท่ากับเริ่มเล่านิทาน
แต่การนอนของเรามักจะมีการตื่นกลางคัน จากหลายสาเหตุ
มันก็เหมือนเป็นช่องว่างให้เราได้ย้อนกลับไปยังจุดเริ่มให้เหมือนในนิทานไม่รู้จบ
นั้นก็คือ การกลับไปนอนใหม่
และก็เริ่มด้วยการวาด Story Board เกี่ยวกับฝันที่ซ้อนๆไปเรื่อยๆ
ทำอันแรกออกมา ล้มไม่เป็นท่า น่าอายมากกกก จึงข้ามไป ไม่อยากพูดถึง
จึงเปลี่ยนมาทำAnimateแทน แต่มันออกมาดูตลกๆ
จึงเปลี่ยนเป็นStop Motion ซึ่งก็คืองานจบ
และมันก็ทำให้จบจริงๆ ด้วยการตัดสินใจที่ผิดมากกกก
ที่ไม่ใส่เสียง.....................................เพราะมันทำให้งานไม่มีความเป็น Sequence

ส่วน Presentation ไม่มีข้อแก้ตัวค่ะ ห่วยจิงๆ
โดนอาจารย์นุตี จำไปจนตายเลยค่ะ ไม่ได้แค้นนะคะ

แต่ว่าเมื่องานนี้จบลง
ก็ทำให้ได้เรียนรู้อะไรมากมาย
เรียนรู้ที่จะสื่อสารกับเพื่อนที่ไม่เคยทำมาก่อน "ขอความช่วยเหลือ"
ได้เรียนรู้ที่จะไม่ยอมแพ้ก่อนที่จะลองสู้
ได้เรียนรู้การทำAfter Effect (ฮ่าๆๆๆ มันยากพอดูค่ะ)
และได้เป็นนักเรียนของอาจารย์ทั้งสองท่านที่คอยช่วยเหลือ และแนะนำ (ทั้งทางอ้อมทางตรง) เสมอ
ก็รู้สึกเสียดายอยู่หน่อยๆ น่าจะทำได้ดีกว่านี้
คิดว่ายังไม่เลิกเกี่ยวกับงานชั้นนี้
จะลองใส่เสียงดู
ไม่รู้ว่าจะworkรึเปล่า
แต่ทุกอย่างต้องลองถึงจะรู้


Monday, September 10, 2007

Dream



ตอนต้นเรื่อง เด็กน้อยกะลังเดินไปนอนที่เตียง

Monday, September 3, 2007

ฝันแล้วก็อยากจะฝันอีก

เรื่องการนอนหลับแล้วฝันไป ดูจะเป็นเรื่องที่เข้าท่ามากกว่าเรื่องการเปิดกล่องของขวัญไม่รู้จบ เลยคิดว่าจะลองทำออกมาเป็นการฝันในความฝันซ้อนกันไปเรื่อยๆ แต่ก็กำลังลังเลว่า แล้วผู้ชมจะเข้าใจมั้ยว่ามันเป็นความฝันที่ซ้อนอยู่ในความฝันอีกที เลยลองคิดดูว่า ถ้ายิ่งซ้อนมากภาพจะยิ่งดูเหนือจริงมากขึ้นเรื่อยจะดีมั้ย และด้วยสติปัญญาอันน้อยนิดเรื่องAfter Effect ก็คงค้องเครียดหล่ะคราวนี้

http://www.uploadtoday.com/download/?88bdcee73bedd41d8308d082577582e4

Tuesday, August 7, 2007

สรุปตามความเข้าใจอีกรอบ

*5 ต้องเป็นเหมือนประตูที่จะพาไปยัง 1 ได้ทุกครั้ง ต้องหาให้ได้ว่าจะเอาอะไรมาเป็นประตูนี้ดี

หลังจากได้รับการชี้แนะจากอาจารย์ทั้ง 2 ท่านแล้ว ก็ได้โครงสร้างขึ้นมาเป็นรูปเป็นร่างและเข้าใจมากยิ่งขึ้น และได้การบ้านชิ้นใหม่ให้มาขบต่อคือ ทำอย่างไรเพื่อจะคายเรื่องที่เราเคลือบเอาไว้ด้านนอก นั้นก็คือ นิทานไม่รู้จบ เราจะทำนิทานต่อไปหรือไม่ หรือ เราจะไปหาอย่างอื่นที่มีลักษณะเหมือนกับนิทานมาทำได้อีก

ทำไมนิทานจึงเอื้อกับการทำloop ?

-คิดว่า เพราะ นิทานมีจุดเริ่มเรื่องที่แน่นอน นั้นคือขึ้นว่ากาลครั้งหนึ่ง โดยจุดเริ่มนี้ เป็นจุดที่ทุกคนรู้เหมือนกันว่าเป็นตอนเริ่มของนิทานโดยทั่วๆไป 

แล้วจะหาอะไรมาแทนนิทานได้บ้าง ?

-ลองคิดถึง time based ที่มีการ link ไปยังเรื่องอื่นๆได้ โดยที่มีตัวกำหนดตายตัว อย่างเช่น การดูทีวีในเรื่อง ก็อาจจะเป็นตัว link ให้ไปสู่ sequence ต่อไปก็ได้ เป็นต้น

ฮึมๆๆๆ

Monday, August 6, 2007

ทดลอง1





ได้ทำการทดลองโดยการเน้นคำสำคัญ ที่ปกติจะใช้ในการช่วยเน้นคำที่มีความสำคัญ แต่ว่าจะเห็นว่าถ้าไม่อ่านตั้งแต่ต้นจนจบ อ่านเพียงแต่ที่เน้น จะได้ข้อความที่ผิดไปจากที่ต้องการสื่อสาร

นิทานไม่รู้จบ

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในป่าใหญ่ มีบ้านหลังเล็ก มีพ่อ แม่ ลูก อาศัยอยู่ ตกกลางคืนพ่อก็มักจะเล่านิทานหน้ากองไฟ นิทานเรื่องนั้นมีอยู่ว่า กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในป่าใหญ่ มีบ้านหลังเล็ก มีพ่อ แม่ ลูก อาศัยอยู่ ตกกลางคืนพ่อก็มักจะเล่านิทานหน้ากองไฟ นิทานเรื่องนั้นมีอยู่ว่า กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในป่าใหญ่ มีบ้านหลังเล็ก มีพ่อ แม่ ลูก อาศัยอยู่ ตกกลางคืนพ่อก็มักจะเล่านิทานหน้ากองไฟ นิทานเรื่องนั้นมีอยู่ว่า กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในป่าใหญ่ มีบ้านหลังเล็ก มีพ่อ แม่ ลูก อาศัยอยู่ ตกกลางคืนพ่อก็มักจะเล่านิทานหน้ากองไฟ นิทานเรื่องนั้นมีอยู่ว่า กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในป่าใหญ่ มีบ้านหลังเล็ก มีพ่อ แม่ ลูก อาศัยอยู่ ตกกลางคืนพ่อก็มักจะเล่านิทานหน้ากองไฟ นิทานเรื่องนั้นมีอยู่ว่า....

จากการที่เห็นลักษณะจากการวน จึงได้ทำการทดลองว่าเรา สามารถจะแทรกอะไรบางอย่างลงไป ในประโยคทั้งหมด

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในป่าใหญ่ มีบ้านหลังเล็ก มีพ่อ แม่ ลูก อาศัยอยู่ ตกกลางคืนพ่อก็มักจะเล่านิทานหน้ากองไฟ นิทานเรื่องนั้นมีอยู่ว่า กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในป่าใหญ่ มีบ้านหลังเล็ก มีพ่อ แม่ ลูก อาศัยอยู่ ตกกลางคืนพ่อก็มักจะไปเล่านิทานหน้ากองไฟ นิทานเรื่องนั้นมีอยู่ว่า กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในป่าใหญ่ มีบ้านหลังเล็ก มีพ่อ แม่ ลูก อาศัยอยู่ ตกกลางคืน กินข้าว พ่อก็มักจะเล่านิทานหน้ากองไฟ นิทานเรื่องนั้นมีอยู่ว่า กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในป่าใหญ่ มีบ้านหลังเล็ก มีพ่อ แม่ ลูก อาศัยอยู่ ตกกลางคืนพ่อก็มักจะเล่านิทานหน้ากองไฟ นิทานเรื่องนั้นมีอยู่ว่า กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ที่ร้านแห่งหนึ่ง ในป่าใหญ่ มีบ้านหลังเล็ก มีพ่อ แม่ ลูก อาศัยอยู่ ตกกลางคืนพ่อก็มักจะเล่านิทานหน้ากองไฟ นิทานเรื่องนั้นมีอยู่ว่า กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในป่าใหญ่ข้างมหา'ลัย มีบ้านหลังเล็ก มีพ่อ แม่ ลูก อาศัยอยู่ ตกกลางคืนพ่อก็มักจะเล่านิทานหน้ากองไฟ นิทานเรื่องนั้นมีอยู่ว่า....

นิทานเรื่องนี้ link ไปสู่โครงสร้างของเต็ม เพราะว่าค้องเริ่มอ่านตั้งแต่ต้น เพราะว่าจะมีอะไรบางอย่างซ้อนอยู่ เพื่อแสดงให้เห็นความสำคัญของสิ่งแรกเสมอ

คิดไปเรื่อยๆ

เหมือนการขัดจังหว่ะ อย่างเช่น ถ้าเราดูหนังเรื่องหนึ่งอยู่ แต่วาพอเรื่องดำเนินมาถึงจุดหนึ่ง เกิดเหตุการณืที่มีความเกี่ยวโยงกับเรื่องช่วงแรกที่เราจำไม่ได้แล้ว เราก็ต้องกรอกลับไปดูใหม่ ก็เหมือนกับ อาการอัลไซเมอร์ คือเมื่อพูดคุยกันไปซักพัก ผู้ป่วยจะเริ่มถามเรื่องเก่า ซึ่งเค้าจำไม่ได้แล้ว แทรกขึ้นมา ทำให้การสนทนาหยุดชะงัก แล้วพอผู้ป่วยได้คำตอบ ก็ต้องมานั่งคิดอีกว่า คุยกึงไหนกันแล้ว ถ้าเป็นหนัง ก็ต้องมานั่งกรอกลับมาที่เดิม แต่ก็เหมือนเป็นการเติมเต็มช่องว่างให้
นั่งคุณกะเพื่อนด้วยความเครียดอย่างสูงเกี่ยวกะวิชานี้ ร้องไห้ไปแล้วไม้รู้กี่รอบ
ก็ฮึดๆ เอาว่ะ! โดนดรอปก็โดนดรอป แต่ก็ขอสู้สุดไปก่อน
เฮ้อ~ขอให้ไม่เป็นการตัดสินใจที่ผิดด้วยเถอะ สาธุ

ทดลอง...ไปเรื่อย

"เพลิน เด็กสาวผมยาวสีดำสลวย ผู้มีนิสัยร่าเริง และมักมีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้าเสมอ โบกมือทักทายกับเพื่อนสาวตัวน้อยที่ยืนคอยอยู่ที่ศาลาริมน้ำหน้าบ้านอย่างร่าเริง แล้วเพลิน เด็กสาวผมยาวสีดำสลวย ผู้มีนิสัยร่าเริง และมักมีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้าเสมอก็รีบวิ่งลงบันไดมาด้วยความรวดเร็ว จนเสียงดังลั่นไปทั่วบ้าน

เรือนไทยริมน้ำหลังย่อม แต่นั้นกลับกลายเป็นเรื่องน่าเอ็ดดูของคุณยายที่นั่งห่อขนมอยู่ที่ชานบ้าน ถึงจะรีบอย่างไรเพลิน เด็กสาวผมยาวสีดำสลวย ผู้มีนิสัยร่าเริง และมักมีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้าเสมอ ก็ไม่ลืมหันมากล่าวลาคุณยายก่อนที่จะวิ่งปรู้ดไปหาเพื่อนด้วยความตื่นเต้น เพลิน เป็นเด็กสาวผมยาวสีดำสลวย ผู้มีนิสัยร่าเริง และมักมีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้าเสมอ ไม่ได้เจอเพื่อนคนนี้มาเกือบปี หลังจากที่เพื่อนต้องย้ายตามคุณพ่อไปอยู่ที่กรุงเทพฯ ทำเอาเพลิน เป็นเด็กสาวผมยาวสีดำสลวย ผู้มีนิสัยร่าเริง และมักมีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้าเสมอ คิดถึงและมีเรื่องจะเล่ามากมาย จนแทบจะอดใจรอไว้ไม่ได้"

คิดเอาเอง

สูตรคูณก็เป็นโครงแบบนี้เหมือนกันนะ


เราเคยผ่านการทำเลขเร็วกันมาตอนเด็กๆ และจะเกลียดมากเมื่อโจทย์เป็นการคูณ เพราะว่าเด็กส่วนใหญ่ไม่สามารถท่องสูตรคูณจากตรงกลางได้เลย เพราะเราโดนสอนให้ท่องตั้งแต่ต้นจนจบ อย่างเช่น 9 x 8=? เราก็ต้องมาเริ่มคูณกันตั้งแต่ต้นแม่ 9 ก็คือ 9 x 1=9 ไปเรื่อยๆจน 9 x 8 = 72 กว่าจะเจอ เสียเวลา




Saturday, August 4, 2007

ลองดู

บทสนทนาของคนสองคนที่เป็นเพื่อนกัน


"วันนี้จะไปกินข้าวที่ร้านตรงปากซอยนะ"

"ร้านไหนอ่ะ"

"ร้านที่วันก่อนไปกินไง"

"อ๋อ"

"เออ นั้นแหละ ไปๆ"

"อืม"

"นี่ๆ กินเหมือนเดิมป่ะ"

"อะไรหล่ะ"

"ก็ที่กินที่ร้านกลางซอยประจำไง อะไรว่ะ ทำเป็นงง"

"อ๋อ"

"แล้วน้ำอ่ะ สั่งอันนั้นนะ"

"น้ำไรอ่ะ จำไม่ได้"

"ที่แกพาฉันไปกินที่ร้านพี่เพื่อนแกไง"

"วันไหนว่ะ"

"วันที่ฉันใส่เสื้อสีดำไง"

"ตัวไหนว่ะ"

"ตัวที่มีลายหมีไง

"อ๋อ เออๆ จำได้แล้ว"


มันต้องย้อนตลอดเลย ถ้าคนอื่นมานั่งฟังหรือไปกินกะพวกมันสองคน

คงงง เพราะไม่ได้ไปรู้ถึงความหลังของพวกมันสองคนด้วยเลย

Never Give Up Sequence Vol.2


 โครงอีกแบบหนึ่ง โดยคิดจากฝั่งของผู้ที่ไม่ได้เป็นอัลไซเมอร์ที่สนทนากับผู้ป่วย

เมื่ออาทิตย์ที่แล้วได้มีโอกาสพาคุณป้า ที่ป่วยเป็นโรคอัลไซเมอร์ ไปทำพาสปอร์ต และสิ่งที่ท่านต้องนำไปด้วยคือ บัตรประชาชน และพาสปอร์ตเล่มเก่า ซึ่งก่อนออกจากบ้าน ตัวเองเป็นคนจัดใส่กระเป๋าให้ท่านกับมือ พร้อมย้ำว่า ทุกอย่างเตรียมไปหมดแล้ว ไม่ตกหล่น เมื่อขับรถออกจากบ้านมาได้ประมาณ 10 นาที ท่านก็เริ่มถามว่า "ป้าต้องเอาอะไรมาบ้างนะ" เราก็ตอบว่า "บัตรประชาชนกับพาสปอร์ตเก่าค่ะ เต็มเอาใส่กระเป๋าแล้ว" ท่านก็ "อ๋อ ใช่ๆ" แล้วเงียบไป เวลาผ่านไปอีกไม่นาน ท่านก็เริ่มถามอีกแล้ว "ป้าต้องเอาอะไรมาบ้างนะ" เราก็ต้องตอบเหมือนเดิม สรุปแล้วระยะทางจากบ้านคุณป้ามาถึงที่ทำพาสปอร์ต ใช้เวลาประมาณ 45 นาที ท่านถามคำถามว่า "ต้องเอาอะไรมาบ้างนะ" เกือบ 10 เที่ยว ทำเอาคนตอบถึงกับเซ็งไปเลยทีเดียว

จึงสรุป(เอาเอง)ได้ว่า โครงนี้เหมือนจะเป็นการย้อนซ้ำอะไรบ้างอย่าง คือ ไม่ว่าจะพูดเรื่องอะไรก็ตามก็จะย้อนกลับมายังจุดๆหนึ่ง เหมือนจะเป็นการทำเพื่อให้เกิดการจำได้ขึ้นมา เหมือนว่าคนปกติก็จำได้เลยในครั้งแรกๆ แต่พอเป็นสมองของผู้ท่ีป่วยโรคนี้จะต้องใช้มากกว่านั้นเพื่อให้เก็บเข้าไปในสมอง แต่ว่าอาการแบบนี้ทำให้ผู้ที่ร่วมสนทนาอาจเกิดอาการเบื่อได้ 
ก็รวบรวมความคิดคือ โครงการควรจะมีลักษณะอะไรที่เกิดจากการทำซ้ำๆ แล้วผลที่ตามมาคือความน่าเบื่อ อืมๆๆๆ แล้วไงหล่ะ เออ! 

Thursday, August 2, 2007

Never Give Up Sequence Vol.I


ระบบโครงสร้างของอาการความจำเสื่อม (แบบซ้ำๆ)


เคยเจอมั้ย คนที่พูดอะไรบ่อยจนน่าเบื่อ พูดซ้ำคำๆนั้นบ่อยมากๆ เช่น คำว่าครับ(ค่ะ), เออ, แล้วก็ ฯลฯ 
ยกตัวอย่างแบบ การจัดรายการวิทยุ การพูดสุภาพก็เป็นเรื่องที่ดี แต่ก็ควรจะละเอาไว้บ้างก็ได้ เช่น "สวัสดีครับ วันนี้มาเจอกันอีกแล้วนะครับ ผมดีใจมากเลยครับ เพลงที่เพิ่งจบไปนะครับ คือเพลง...ครับ เพราะมากเลยนะครับ ผมชอบศิลปินวงนี้มากเลยครับ" โอ้ย เบื่อมาก อยากจะเปลี่ยนคลื่นไปฟังอย่างอื่นทันที แต่ความจริงแล้ว เค้าอาจจะไม่ทราบเลยว่าเค้าพูดคำว่า"ครับ"มากจนเกินพอดี 
เปรียบเหมือนกับผู้ป่วย "โรคอัลไซเมอร์" ที่มักจะพูดอะไรซ้ำๆโดยที่ไม่รู้ตัว เพราะโดยความจริงแล้ว สมองของผู้ที่่ป่วยเป็นโรคนี้จะไม่มีศักยภาพในการจดจำความทรงจำใหม่ๆ หรือ ความจำระยะสั้นได้อีกแล้ว ดังนั้น สมองจึงทำการทบทวนสิ่งที่สำคัญทดแทน โดยการพูดสิ่งเหล่านั้นซ้ำๆ เพื่อจะย้ำให้จำนั้นเอง เหมือนอย่างเราจะเคยเจอคนแก่ที่จะถามคำถามซ้ำๆ ทั้งที่เพิ่งผ่านไปไม่ถึง 10 นาที นั้นเพราะสมองไม่ทำการจดจำสิ่งใหม่เข้าไปอีกแล้ว

เมื่อได้โครงสร้างมาแล้ว ก็นำมาคิดใหม่ ทำใหม่ เพราะที่ทำคราวที่แล้วมันหลงทาง ไม่เวิกค์ จึงได้ปรึกษาเพื่อนว่าเราควรจะทำอย่างไรต่อไปดี  จึงได้คำแนะนำว่า อย่าแต่งเร่ือง และ ไม่ควรคิดเรื่องไกลออกไปจากsequenceนัก เพราะที่ผ่านๆมาเหมือนเราหลงไปกับระบบที่เราจะนำมาอธิบาย โดยลืมไปว่าเราต้องทำให้ sequence เป็นตัวเอก จึงจะลองอะไรที่ใกล้ตัวก่อน อย่างเช่น ในการเขียนเรื่อง หรือบทความต่างๆ ก็มีความจำเป็นต้องเขียนให้ได้ใจความ และอ่านสนุก จึงเกิดการใช้สรรพนามแทนสิ่งต่างๆขึ้นมา เพื่อให้บทความนั้นๆ ไม่ซ้ำซากและยาวจนเกินไป ยกตัวอย่าง "หนูมาลี เป็นเด็กหญิงผมสั้น ชอบมัดแกละ และเลี้ยงแมว เธอ(สรรพนาม)อาศัยอยู่กับคุณย่าที่บ้านริมน้ำ" สรรพนาม ใช้เพื่อจะได้ไม่ต้องมาอธิบายคุณสมบัติบางอย่างซ้ำ 

สิ่งที่จะทดลองต่อไปก็คือ ถ้าเราเปลี่ยนการเขียนนิยาย หรือ บทความต่างๆ เอาคำสรรพนามออก ใส่ชื่อตัวละครนั้นซ้ำๆลงไปทุกประโยค อ่านไปเจอทุกบรรทัด โดยยืมเอาระบบของอัลไซเมอร์มาใช้

Monday, July 30, 2007

S.Q. Project from Alzihemer [Begin]

ได้รับแรงบัลดาลใจมาจากสองที่ ก็คือ
1.อาการของโรคความจำเสื่อม : ความทรงจำที่ขาดหายไปบางช่วง
2.การลำดับภาพของละคร : ความไม่ต่อเนื่องของการลำดับภาพ (ฉาก,การแต่งกาย,ทรงผม เป็นต้น)

สื่อที่จะใช้ = Time Based Media
เป็นหนังสั้นที่เล่าเร่ืองราวผ่านคนๆหนึ่ง ที่ใช้ชีวิตปกติ แต่ถ้าสังเกตดูดีๆแล้ว มันผิดปกติ
อย่างเช่น นั่งทำงานอยู่ในห้องไปเรื่อยๆ แต่ถ้ามองที่นาฬิกาแล้วจะเห็นว่าเวลาผ่านไปเหมือน
ก้าวกระโดด แต่คนๆนั้นยังคงนั่งทำงานเหมือนเดิม ไม่มีการลุกไปไหน ถ้าไม่สังเกตดีๆ ก็จะไม่ทราย
ถึงการขาดหายของช่วงเวลา ดังนั้นผู้ชมต้องพยายามสังเกตสิ่งแวดล้อม เพื่อเป็นการบ่งบอกว่าเกิด
การผิด sequence เกิดขึ้น

Thursday, July 26, 2007

Waan Boy N Sagoi Girl

เห็นเพื่อนๆเครียดกาน เลยเอาเรื่องไร้สาระมาให้ลองอ่านกานดู

ที่จริงอิจฉา แอบเห็นหนูมีเรื่องอินเทรนด์ "แอ๊บแบ๊ว" มาให้อ่าน

เลยหาเรื่องอินอันอื่นมาให้อ่านกานบ้าง อิอิ


"เด็ก แซ๊บบป์ และ  เด็ก สก้อย์ มีข้อสังเกตอย่างไร"


เด็กแซ๊บบป์ or แว็นซ์จะ

1. ผมปาดข้างแนวปั๊บ โปเตโต้

2. เสื้อยืด สีดำ เสื้อเชิ้ตลายสก็อต

3. เกงขาเดฟ หัวเข็มขัด โรงเรียนช่างทั้งหลาย เกงลีวาย สะพานพุทธ

4. ขับนูโว มีโอ โซนิก เป็นต้น เด๋วนี้พัฒนามีเครื่องเสียงด้วย และแต่งรถมอไซค์ให้เสียงท่อดังๆ และบิดรถแรงๆ ยกล้อ (ซึ่งชาวบ้านมักจะเสียวไส้อยู่บ่อยๆ)

5. อยู่เพียงแซ่บเดียวจะเงียบๆ และติ๋ม หากอยู่กันเป็นหมู่คณะ ละก็ จะนักเลงมาก อย่าได้มองหน้าพวกมันแม้แต่นิดเดียวเชียว มันจาหันมาบอกว่า มองหน้าหาพ่...เมิงหร๋อ??? .........

6. เวลาขับรถไปไหนจะต้องมีสก๊อยย์ห้อยตามซ้อนรถเสมอ 

7. ไปไหนต้องไปเป็นฝูง 

8. เกือบลืม รองเท้าต้อง คอนเวิร์ส (ปลอม) ช้างดาว อันนี้ไม่ทราบราคา -*- 

หรือรองเท้าหูหนีบ 


เด็กสก๊อยย์จะ

1. หน้าขาว ปาก แดงแจ๊ด ไม่จำกัดผิวสี 

2. ผมซอยสูงๆ เดี๋ยวนี้พัฒนาการไปถึงรุ่น .ต้นแล้ว ผมสั้นเต่อก็มี

3. ใส่เกงคืบ ขาสั้น เพื่อเวลาซ้อนแซ่บแล้วกางเกงจะได้ร่นขึ้นมาเหนขาลายเยอะๆ

4. ส่วนเสื้อนั้นจะเปนจำพวกสายเดี่ยว เสื้อตัวเล็กๆ รัดๆ หรือไม่ถ้าท่านโชคดีอาจพบเหนแค่เสื้อตัวใหญ่ๆ แต่!!! ยังคงคอนเซปต์ เกงคืบเหมือนเดิม

5. ซ้อนมอไซค์แซ่บ แต่ ในวันเดวกันไม่ได้จำกัดว่าสก๊อยย์จะสามารถซ้อนได้กี่คัน 

6. สูบบุหรี่ (ไม่ได้เหมารวมถึงไฮโซผู้หญิงที่สูบบุหรี่หรือคนทั่วไปนะคร้าบ)

7. ไม่จำกัดอายุ ส่วนมากซึ่งตอนนี้ไม่ใช่ 14upแล้ว สังเกตได้ว่าจะประมาณ .1 อัพ


ท่านสามารถพบเจอแซ่บบอย-สก๊อยย์เกิร์ลได้ตามสะพานพุทธ เยอะมากกกกกกกกกก........


ทั้งแซ่บและสก๊อยย์นั้นได้พัฒนาไปถึงขั้นไปรัชดาแล้ว แต่จะเข้าไม่เข้าร้านนั่ง ธรรมดา แซ่บและสก๊อยย์นั้นจะแด๊นซ์อย่างเดว ทุกวันนี้ได้เข้ายึดครองบาหลี รัชดาซอย


ได้รับความอนุเคราะห์ความรู้จาก 

http://www.mthai.com/webboard/7/114026.html


ขอบคุณมากค่าาา~



Project

วันนี้ไปสอบมา เหนื่อย ปวดก้านสมองเลย ยากเกิ้น
ไม่เข้าใจจะเรียน politics ไปทามมาย เฮ้อ!

กลับมายังเรื่องเก่า เล่าไปเรื่อยๆของเรา
"SEQUENCE"(เฮ~~ๆๆ)
-พูดถึงความทรงจำก็ควรจะเป็นภาพเคลื่อนไหว
-งานที่ควรจะออกมาจึงเป็น Time Based Media 
-เรื่องจะดำเนินไปเรื่อยๆโดยแต่ล่ะฉากจะมึความสัมพันธ์กันตาม
หลักของการลำดับภาพ แต่ว่าต้องสังเกตดีๆจะพบว่าเรื่องจะข้ามสลับไป
สลับมา 
ยกตัวอย่างเช่น ภาพคนนั่งทำงานไปเรื่อยๆ ถ้าไม่สังเกตดีๆจะไม่เห็นว่า
มีอะไรแปลกไป แต่ถ้ามองสภาพแวดล้อมก็จะพบว่ามีบางอย่างที่ผิดไป
อย่างเช่น นาฬิกาในห้องจะบอกเวลาสลับไปสลับมา 

นอกเรื่องหน่อย วันนั้นนั่งดูละครช่องเจ็ดอยู่ ก็เลยปิ๊งขึ้นมา
ก็เป็นที่รู้กันอยู่ว่าละครจะมีการถ่ายเป็นฉากแล้วเอามาต่อ
ดังนั้นเรื่องของเวลา สถานที่ การแต่งตัว จะต้องละเอียดพอสมควร
แต่ค่อนข้างจะหายากจากละครช่องเจ็ด 
เรื่องที่ดูอยู่ วันนั้นนางเอกใส่เสื้อลายจุดอยู่ดีๆ พอเดินมาอีกห้องนึง
เอ้า จุดหายซะแล้ว งงเลย(--") 
 

Tuesday, July 24, 2007

ทำความเข้าใจกับความต่อเนื่อง


เป็นข้อสอบเอ็นทรานซ์วิชา วัดแววความเป็นครู ปี 2544
เป็นข้อสอบง่ายๆที่ต้องอาศัยความเข้าใจเรื่องความต่อเนื่อง
เพราะว่าจะต้องเข้าใจการเคลื่อนไหวของภาพเหล่านี้ให้ได้
ตอบกันได้มั้ย เราตอบข้อ 2. พวกเพื่อนๆตอบว่าอะไรกันบ้าง

Sequencelism

ช่วงนี้ อาการนี้กะลังอิน ใครไม่เป็นเชยสุดๆ ฮ่าๆๆ
ล้อเล่น แต่ว่าไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็ต้องบอกคิดเสมอว่า
สิ่งเหล่านั้นเป็น sequence มั้ย อย่างวันนั้น ขับรถกลับบ้าน
เจอรถคันนึงมาแทรก ก็โวยวายเสียงดัง "ทำอย่างนี้มันผิด sequence"
(อย่างกะไอ้บ้านั้นมันจะเข้าใจ)
ทำเอาแม่ งงไปเลยว่าลูกท่าจะบ้าไปแล้ว sequence อะไรมากมาย
ขนาดตอนนอน ยังเอาไปฝันด้วย สงสัยจะเข้าข่ายหลอนซะแล้วสิ

MEMENTO to PROJECT



ได้เพ่ปุ๊กแนะนำหนังเรื่องหนึ่งให้ไปลองหาดู ชื่อเรื่อง Memento ซึ่งเป็นเรื่องของชายที่มีปัญหาเกี่ยวกับความทรงจำ คือ ความจำสั้น และเค้าต้องสืบหาคนร้ายที่ทำร้ายเค้าและภรรยาให้เจอ โดยหนังเล่าเรื่องผ่าน รูปโพลาลอยด์ แผนผัง การจดบันทึก เพื่อนำไปสู่จุดหมายที่ต้องการ การลำดับภาพจะย้อนไปย้อนมา ไม่ต่อเนื่องกัน


เมื่อได้ดูหนังเรื่องนี้แล้ว ทำให้เกิดไอเดียเกี่ยวกับ project sequence ที่กำลังทำอยู่ตอนนี้ คือ เปรียบความทรงจำของเราเป็นภาพ แต่ละภาพก็จะเป็นเหตุการณ์ที่ต่างกันออกไป แล้วแต่ละภาพนั้นก็จะร้อยเรียงต่อกัน ต่อเนื่องกัน ดังนั้นถ้าเราดึงภาพใดภาพหนึ่งออก หรือ สลับเปลี่ยนมันซะ ก็จะทำให้ความเข้าใจของเราเปลี่ยนไป


Sunday, July 22, 2007

22 july 2005

วันเกิดปีนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดครั้งที่ 22 ของฉัน ซึ่งมันเป็นวันที่ตรงกับ
วันที่22 ของเดือนกรกฎา เหอะๆๆ แบบนี้มีเพียงครั้งเดียวในชีวิต

Thursday, July 19, 2007

ตั้งสติให้ดีแล้วอ่านค่อยๆน่ะ(ด้วยความหวังดี)
ชายคนหนึ่งเดินทางจากชุมพรออกไปท่องเที่ยวแถวยอดดอยกับแฟนของเขา
พอไปถึงยอดดอย...ก็จะจอดรถชมวิวแถวจุดชมวิว แต่....
พอเปิดประตูรถก้าวออกมา ก็ได้ยินเสียงที่ว่า "เพ่ เพ่ เอา หิ หนุ มะ ??"
เด็กหญิงชาวเขาเอ่ยถาม ชายหนุ่ม งง ?
เลยถามกลับไปอีกว่า
"อะไรนะ?"
"เพ่ เพ่ เอา หิ หนุ มะ? "เด็กหญิงชาวเขาบอกอีกครั้ง
ชายหนุ่มบอกว่า ไม่เอา!!! พี่มากับแฟนพี่!!!พี่จะมาชมวิว
"มะ เอา เหรอ ห้า สิ บาท เอง นะ" เด็กหญิงชาวเขาถาม
"ไม่เอา!!!ไม่เอา!!! พี่จะไปดูวิว" แล้วก็เดินจากไป
พอดูวิวเสร็จก็เดินกลับมา ไม่เห็นรถของตัวเอง และก็เห็นเด็กหญิงนั่งหัวเราะอยู่ตรงข้างที่จอดเดิม
ชายหนุ่มจึงถามเด็กดอยไปว่า....."รถพี่หาไปไหน?"
"เหอ เหอ เหอ ...ลด..ขอ..เพ่..โตก..เขา..ไป..ปู้น..แล้ว..เหอ..เหอ..เหอ"เด็กหญิงขำ
"หนูบอก เอา หิ หนุ มะ... เอา หิ หนุ มะ... ม่ะ เอา เอง โส นะ น่า......."(หนูบอกเอาหินหนุนไหมเอาหินหนุนไหมไม่เอาเอง สมน้ำหน้า)

อ่ะๆๆ อย่าคิดลึกหล่ะ อ่านไปคลายเครียดๆ
"โรคความจำเสื่อม (Alzhiemer)"
เป็นอาการที่เกิดขึ้นกับผู่ป่วยได้รับความกระทบกระเทือนที่สมอง หรือ เกิดจากความแก่ชรา
โดยโรคความจำเสื่อมนี้จะมีอยู่ 3 ขั้น คือ
1.อาการหลงลืมไปชั่วขณะ เช่น ลืมว่าวางของเอาไว้ตรงไหน หรืออาจจะลืมชื่อญาติพี่น้อง แต่ก็จะจำได้เองเมื่อใช้ระยะเวลาในการคิด
2.ขาดความสามารถในการตัดสินใจง่าย เช่น เปิดน้ำจนล้นอ่างแล้วไม่รู้จะทำอย่างไร
3.อาการความจำสลับ ขั้นนี้จะร้ายแรงที่สุด จะเริ่มทำอะไรสลับไปมา เช่น เอาเตารีดไปใส่ไว้ในตู้เย็น





>>อย่างเช่นในภาพเหล่านี้ จะเห็นได้ว่า
ความต่อเนื่องของภาพถูกทำลายลงเพราการสลับตำแหน่ง
ทำให้ความเข้าใจของเราก็เปลี่ยนไปด้วยเช่นเดียวกัน

การลำดับภาพในภาวะของอาการโรคความจำเสื่อม

อาการความจำเสื่อมเกิดจากสมองได้รับความเสียหายบางส่วน ทำให้การทำงานลดประสิทธิภาพลง
ทำให้ความทรงจำบางช่วงขาดหายไป แต่ไม่ใช่อาการลืม เพราะลืมเราจะหายไปเพียงช่วงต้นๆ หรือ ยังจำได้ลางๆ
พอรูปเป็นโครงๆ แต่ความจำเสื่อมนั้นจะหายไปทั้งท่อนเลย เหมือนการร้องเพลง ส่วนใหญ่เราจะลืมเป็นท่อน
แต่ก็อาจสามารถร้องท่อนต่อมาได้ แต่ว่าเมื่อเพลงจบการรับสารก็จะต่างไป เข้าใจไปอีกแบบหนึ่ง
ทำให้คิดว่าถ้าเราลำดับภาพอะไรบางอย่างเปลี่ยนไป หรือ ตัดออกไปก็จะทำให้การสื่อสารไม่สมบูรณ์ได้
และนั้นก็เป็นการทำลายSequenceอย่างหนึ่ง
โครงการ # 1 (ก๊อกแรก)
นำภาพมา 3 ภาพ โดยทั้ง 3 ภาพเป็นภาพที่ดูมีความเกี่ยวข้องกัน
ต่อเนื่องกัน แต่ว่าถ้าเราเอามาเรียงต่างๆแบบกันไป ผู้ได้รับสารจะ
เข้าใจต่างกันไปอย่างไรบ้าง

Monday, July 9, 2007

หลังจากเปลี่ยนหัวข้อมาหลายรอบ จนงงตัวเองไปเรียบร้อย ก็รวบรวมตัวเองขึ้นมาใหม่อีกรอบโดยการแนะนำอันสุดยอดของท่านอาจารย์ทั้งสอง
เลยได้หัวข้ออันใหม่มาอย่างไม่ทันจะตั้งตัว จากการเสนอหัวข้อโครงการทีสิส นั้นก็คือ (โค-ตะ-ระ ภูมิใจเสนอ) "อาการของโรคความจำเสื่อม"
ถูกอาจารย์แนะนำว่า โครงการนี้ควรจะเอาไปทำใน Comdesign V เลยเหมือนสวรรค์โปรด เพราะกะลังตันอยู่เลยพอดี ขอบคุณนะค่ะ อาจารย์

Monday, July 2, 2007

...GOOD MEANING...

Yesterday is the history, Tomorrow is a Mystery, Today is a GIFT, That is why it is called "PRESENT"

SEQUENCE...หลายสิ่ง

เกิดความเข้าใจผิดขึ้นอีกแล้ว ก็เลยต้องกลับมานั่งคิดใหม่
ทำความเข้าใจระบบการทำงานใหม่เรียบร้อย
เราต้องคิด "ระบบขึ้นมาก่อน" แล้วค่อยหาอะไรมา "อธิบายระบบ"
เออ~กว่าจาเข้าใจ ฮ่าๆๆๆ

ระหว่างที่นั่งทานข้าวอยู่นั้น ก็เกิดนึกถึงวิชาภาษาไทยตอนเด็กๆขึ้นมาได้
ไตรยางค์ อักษรกลาง สูง ต่ำ ที่เราต้องนั่งท่อง จนจำได้ขึ้นใจมาจนตอนนี้
ไก่ จิก เด็ก ตาย เฎ็ก ฏาย บน ปาก โอ่ง >>> อักษรกลาง
ไข่ ฃวด ฉิ่ง ฐาน ถุง ผึ้ง ฝา สาม ส. หอหีบ >>> อักษรสูง
ที่เหลือก็เป็นอักษรต่ำเป็น กับ ต่ำตาย

ก็ได้ออกมาเป็น Sequence ของพยัญชนะอีกแบบหนึ่ง

แล้วก็วกไปไหนไม่ได้ไกล กลับเข้าเรื่องการกินของเรา (ถนัดมาก)
มองว่าพยัญชนะ 44 ตัวที่มีทั้งหมด เปรียบเสมือนเครื่องปรุงอาหารแต่ละชนิด
เมื่อรวมกันก็จะออกมาเป็นอาหารหนึ่งอย่าง
เช่น แกงเผ็ด>>พริก กะปิ หอม กระเทียม มะกรูด ข่า ตะไคร้ ก็เป็น Sequenceนึง
แต่พอเราดึงเอาส่วนผสมแต่ละอันออกมาผสมกันใหม่ เราก็จะได้อาหารอีกชนิดขึ้นมา
ต้มยำ>> ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด
แกงส้ม>>กะปิ พริก หอม กระเทียม
ก็จะกลายเป็น Sequence ใหม่ที่เกิดจากการนำ Sequence เก่ามาเรียงใหม่
................................................................................................................................................

เมื่อ Sequence...ผิดจุด

เกิดความสับสนขึ้นมากมาย แต่ก็ยังไม่ลดละความพยายาม
หลังจากเสียน้ำตาไปเยอะ ก็ได้เรื่องขึ้นมาเรื่องนึง
"คนความจำสั้น กับ การทานยาคุม"
ยาคุมเป็นยาที่ต้องมีความรับผิดชอบในการรับประทาน
เพราะมีการกำหนดวันอย่างตายตัว ต้องกินอย่างต่อเนื่อง และเป็นลำดับ
และถ้าเกิดกินผิดอาจจะมีผลข้างเคียงตามมามากมาย
แล้วถ้าตนๆนั้นเกิดเป็นคนความจำสั้นขึ้นมาหล่ะ
คงจะเกิดเรื่องยุ่งแปลกๆขึ้นเยอะเลยทีเดียว

Sunday, July 1, 2007

Woo-Men!!

"Sequence(ความต่อเนื่อง) = Habit (กิจวัตร ,สิ่งที่ทำเป็นประจำ)"

“สิ่งที่คุณผู้หญิงต้องประสบทุกเดือนคือการมีประจำเดือนนั้นเอง และมักจะตามมาด้วยอาการต่างๆ เช่น ปวดหัว
บวมที่หน้ามือ หรือเท้า น้ำหนักขึ้น เป็นสิว ขี้ลืม นอนไม่หลับ หงุดหงิดโมโหง่าย อารมณ์อ่อนไหว เป็นต้น และอาการทั้งหมดเกิดจากผลของฮอร์โมนซึ่งไม่มีอันตราย”

ลักษณะนิสัย ก็เป็น Sequence อย่างหนึ่งเช่นกัน เพราะว่าการทำอะไรที่เป็นนิสัย ก็ต้องอาศัยการทำที่ต่อเนื่อง อย่างเช่นเป็นคนนิสัยเจ้าระเบียบ ก็เกิดจากการที่ทำอะไรเป็นระเบียบมาจนเคยชิน และแสดงออกมาจนเหมือนการกระทำนั้นๆเป็นเรื่องธรรมดา

แต่!เมื่อผู้หญิงเป็นประจำเดือน ระดับฮอร์โมนจะเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้เกิดการทำอะไรแปลกๆ ไม่ถึงกับเปลี่ยนนิสัย แต่จะทำให้มีอาการผิดปกติไป อย่างบางคน จากปกติเป็นคนง่ายๆ อาจจะกลายเป็นคนวีนแตกออกมาได้

เมื่อมองถึงจุดนี้ ทำให้เห็นว่า การเป็นประจำเดือน เป็นการทำลาย Sequence ที่เป็นนิสัยปกติของเรา และไปเกิดขึ้นใหม่เป็นอีก Sequence ที่เป็นมนุษย์เมนส์แทน

Project>> Woo-Men!! (เมื่อเธอกลายเป็นมนุษย์เมนส์)
Media>> Time-Based Media

Monday, June 18, 2007

ปรัชญาชาวจีน

ถือว่าเป็นมนตรานำโชคมาสู่ชีวิต
(Chinese Tantra Totem For Good Luck)

-จงให้มากกว่าที่ผู้รับต้องการ และทำอย่างหน้าชื่นตาบาน
-จงพูดกับคนที่ถึงแม้จะอายุน้อยกว่า แต่เค้าก็มีความสำคัญเท่ากัน
-จงอย่าเชื่อทุกอย่างทีได้ยิน ใช้ทั้งหมดที่มี และนอนเท่าที่อยากจะนอน
-เมื่อกล่าวคำว่า "ชั้นรักเธอ" จงหมายความตามนั้นจิงๆ
-เมื่อกล่าวคำว่า "ขอโทษ" จงสบตาเขาด้วย
-ก่อนจะตัดสินใจแต่งงาน จงหมั้นเสียก่อน 6 เดือน
-จงเชื่อในรักแรกพบ
-อย่าหัวเราะเยาะความฝันของผู้อื่น คนที่ไม่มีความฝันก็เหมือนไม่มีอะไร
-เมื่อรักจงรักให้ลึกซึ้ง และ ร้อนแรง อาจจะต้องเจ็บปวดแต่นั้นคือหนทางเดียงที่ทำให้ชีวิตถูกเติมเต็ม
-ในเหตุการณ์ขัดแย้ง โต้อย่างยุติธรรม ไม่มีการตะโกนใส่กัน
-อย่าตัดสินคนเพียงเพราะญาติๆของเขา
-จงพูดให้ช้า แต่ต้องคิดให้เร็ว
-ถ้าถูกถามด้วยคำถามที่ไม่อยากตอบ ให้ยิ้มแล้วถามกลับไปว่า จะรู้ไปทำไม
-จงจำไว้ว่า สองสิ่งท่ยิ่งใหญ่ คือความรักและความสำเร็จล้อนต้องมีการเสี่ยง
-พูดว่า ขอให้พระคุ้มครองเมื่อมีใครจาม
-เมื่อภายแพ้ จงอย่าสูญเสียบทเรียนไปด้วย
-ทันทีที่รู้ว่าผิด ลงมือแก้ไขทันที
-จงยิ้มเมื่อเวลารับโทรศัพท์ ผู้ฟังจะเห็นจากน้ำเสียงของเรา
-จงหาโอกาสอยู่กับตัวเองบ้าง

SEQUENCE agian

Sequence (music)
ในการแต่งเพลงก็มีการใช้sequence หรือเรียกได้ว่าความต่อเนื่องเข้ามาร่วมด้วยเช่นกัน เพราะว่าการแต่งเพลงนั้นต้องอาศัยการสอดคล้องของทั้งโน๊ตและจังหวะที่เข้ากัน เพื่อทำให้เพลงนั้นมีท้วงทำนองที่ไพเราะและน่าฟัง โดยมีหลักการง่ายๆนั้นก็คือ
การใช้จังหล่ะที่เหมือนเดิม เปลี่ยนเพียงแต่โน๊ตหรือทำนองของแต่ล่ะท่อน หรือในบางเพลงอาจใช้การเปลี่ยน Key Signature(ตัวกำหนดว่าท่อนนั้นจะมีเสียงโดยรวมเป็นอย่างไร) เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องและ สอดคล้องกันไปทั้งเพลง ไม่เช่นนั้นเพลงทั้งเพลงจะไม่มีความ
เป็นหนึ่งเดียว ดูสับสนวุ่นวาย








อย่างในเพลงที่ยกมาเป็นตัวอย่าง ก็จะลองอธิบายอย่าง่ายๆ เผื่อคนที่ไม่รู้เรื่องดนตรีได้เข้าใจด้วย จะเห็นได้ว่า Melodic ท่อนที่1, 2และ3 นั้นจะมีตัวโน๊ตเท่ากัน และสีเหมือนกัน แต่จะสังเกตได้ว่า ทุกๆท่อน ตัวโน๊ตจะอยู่คนละบรรทัดกันหมด เช่นเดียวกันกับ Harmonic และนั้นก็คือ Sequence ของการแต่งเพลง

Sunday, June 17, 2007

She-Devil (1989)

เรื่องนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับแม่บ้านผู้แสนจะขี้อายและโดนกดขี่จากคนรอบข้างเสมอมาคนหนึ่ง ที่ลุกขึ้นทำอะไรมากมายอย่างที่ไม่เคยมีใครคิดมาก่อนว่าเธอจะกล้าทำ โดยทุกสิ่งทุกอย่างนั้นเกิดขึ้นและเชื่อมโยงกันเป็นลำดับ ผ่านการแก้แค้นอย่างเจ็บแสบที่เธอได้หยิบยื่นให้กับตัวสามีและภรรยาน้อยเค้า

เรื่องเริ่มขึ้นในมื้ออาหารธรรมดาๆมื้อหนึ่งที่มีพ่อแม่ของสามีเธอมาร่วมโต๊ะด้วย เป็นปกติอยู่แล้วที่สามีเธอมักยกเธอไปเปรียบเทียบกับภรรยาน้อยอย่างออกหน้าออกตา แต่วันนี้เธอคิดว่า ทำไมเธอจะต้องทน ทำให้เธอได้ระเบิดความโกรแค้นธที่มีอยู่ทั้งหมดออกมา ซิ่งมันเป็นเหมือนข้ออ้างให้สามีของเธอก้าวออกจากชีวิตเธอไปอยู่กับชู้สาวได้อย่างง่ายดาย เมื่อถึงตอนนี้ เธอยิ่งแค้นมากกว่าเก่า แล้วเรื่องราวทั้งหมด การแก้แค้นสารพัดวิธีได้เริ่มขึ้นตามลำดับที่สามีเธอได้บอกไว้ว่า 4 สิ่งนี้สำคัญกับชีวิตของเค้า
เหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นล้วนแล้วแต่เป็นไปตามที่ตัวเอก ซึ่งเป็นแม่บ้านธรรมดาๆ ดูไม่น่าจะมีอะไร ตั้งใจจะให้เป็น เธอได้วางแผนทุกอย่างไว้อย่างแนบเนียน จนไม่มีใครคาดคิดว่า ทุกอย่างที่เลวร้ายที่เกิดขึ้นในชีวิตของสองคน นั้นก็คือสามีของเธอ และชู้ของเค้าล้วนแล้วแต่เป็นฝีมือของเธอทั้งสิ้น

SEQUENCE

Sequence ความหมายคือ ลำดับ จัดลำดับ ความต่อเนื่อง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตามลำดับ

ตัวเองนั่งคิดว่า sequence น่าจะมีความหมายว่าอะไรได้บ้างมาหลายวัน ก็พบว่า sequence มีความหมายต่างๆกันไปตามแต่คนจะเข้าใจ ต่างสถานการณ์ แต่ส่วนใหญ่แล้ว จะพบเห็นได้กับเรื่องที่เกี่ยวกับอะไรที่มีความต่อเนื่อง เช่น ภาพยนตร์ คณิตศาสคร์ เป็นต้น และเมื่อได้ศึกษาทำให้รู้ว่า ไม่มีอะไรในโลกที่ไม่เกี่ยวข้องกับคำๆนี้ คิดไปมาหัวจะแตก แต่พอดีค้นหาไปค้นหามาก็ได้พบคำหนึ่งที่พอจะทำให้เข้าใจ sequence ได้มากขึ้น นั้นก็คือ "like a chapter in a book" เหมือนบทๆหนึ่งในหนังสือ เราทุกคนล้วนแล้วแต่ต้องเคยอ่านหนังสือ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสั้น นวนิยาย หรือจะเป็นหนังสือเรียนก็ตาม ดังนั้นคงพอจะเข้าใจได้ว่า Chapter หรือ บทๆนึงในหนังสือเหล่านั้น ล้วนแล้วแต่มีความสัมพันธ์กับบทอื่นๆที่เหลือ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า ถ้าเกิดคุณขี้เกียจอ่านบทแรกๆแล้วคุณจะไม่เข้าใจ มันก็เข้าใจ แต่อาจจะทำให้ขาดเนื้อหาบางตอนที่คนเขียนต้องการให้เข้าใจไปในทิศทางนึง คุณอาจจะเข้าใจไปในอีกทิศทางนึงก็เป็นได้

Wednesday, June 13, 2007

แปลชื่อภาพยนต์ฮอลีวู้ดเป็นไทย..ความฮาขี้แตกจึงบังเกิด

โปรดนึกภาพตัวหนังสือภาษาไทยหน้าโรงหนังประกอบ
Mummy............................................ แม่จ๋า
Mummy Return.......................................แม่จ๋ากลับมาเถอะ
Gone with the Wind ................................ ลอยไปตามลม
xXx.....................................................หนังโป๊
X-Men .............................................ผู้ชายหื่น
Flyboys ..........................................กระหัง ??
Dragonball.....................................แก้วมังกร (อร่อยดี)
Saving Private Ryan……………………………. บัญชีสะสมทรัพย์ส่วนตัวของคุณไรอั้น (- _ -)’
James Bond Dr. No……………………………....เจมส์ พันธบัตร ตอน คุณหมอปฏิเสธ (make senseสุดๆ)
Catch me if you can ...................... จับฉันถ้าคุณกระป๋อง (เวอร์ชั่นซับนรกจริงๆ)
Pearl harbor……………………………………….ท่าไข่มุก (อำเภอ ท่ามะกา)
Saw1 Saw2 Saw3 Saw4………………....………เห็นแล้ว1 เห็นแล้ว2 เห็นแล้ว3 เห็นแล้ว 4
Home alone..................................... บ้านเดี่ยว
Ghost Ship ..................................... ผีเล่นพนัน
What women want ........................... ผู้หญิงอยากอะไร (นั่นน่ะสิ)
Women On Top .................................ผู้หญิง (อยาก) อยู่ ข้างบน
U-571.............................................คุณไม่ใช่คนแรก (อิอิ)
8MM..............................................8 มิลลิเมตร (โห โคตรสั้นเลย)
A whole nine yard..............................ยาวทั้งหมด 9 หลา (นี่ก็โคตรยาว)
8Mile............................................12.87กิโลเมตร
Ocean’s eleven…………………………………… 11 มหาสมุทร
Ocean’s twelve…………………………….……… 12 มหาสมุทร (เป็น 20 มหาดินสอ)
Eight below………………………………….…….ใต้เลขแปด (เลขเจ็ด ??)
20,000 leagues under the sea…………...……(ใต้ทะเลมีบอลให้แทงอีกหลายคู่)
Mystic River .........................................................แม่น้ำ น่าสงสัย (อืมม)
Who am I......................................................................ผมเป็นใคร ?
I am Sam...................................................................ผมคือยุรนันท์
Payback…………………………………………….จ่ายคืนหลัง (เพราะกองหน้าโดนประกบหมด)
Paycheck ...............................................................จ่ายด่วน ระวังเด้ง
Pay it forward...............................................................จ่ายล่วงหน้า (สงสัยเป็นระบบเติมเงิน)
Cheaper by the dozen...............................เหมาโหลถูกกว่า อันนี้เป็นชื่อไทยตามแบบหนังสือเด๊ะๆ
Twelve Monkeys....................................ลิงโหลนึง (บอกแล้วว่าเหมาโหลมันถูก)
Charlie's Angel.............................................................. นางฟ้าของชาลี
Charlie and The Chocolate Factory........................... ชาลีกับโรงงานช็อกโกแลต (มรึงมีหลายอย่างจังนะชาลี)
Firewall………………………………………………กำแพงไฟ (ละครช่องเจ็ด หรือเปล่าพี่)
Star wars - return of the jedi…………………… กำแพงดาว (ก็ได้ยินเป็น Star wall อะ) ภาคกลับรถที่เจดีย์
Star gate……………………………………………ประตูดาว (ภาคต่อของเรื่องข้างบน)
Inside man…………………………………………ข้างในคนผู้ชาย (หนังเรียนผ่าตัดของคณะแพทย์เหรอ)
Dirty Dozen………………………………………..โหลสกปรก (ก็เอาไปล้างสิ)
Van Helsing.....................................รถตู้นรกร้องเพลง
Deep Impact ..................................กระแทกลึกๆ
Red Eyes ......................................ตาแดง (ไปหาหมอสิ)
Tomorrow Never Dies ........................พรุ่งนี้ก็ไม่ตาย
Die Another Day .............................ตายวันอื่น(ก่อนหน้านี้มันบอก พรุ่งนี้ก็ไม่ตาย)
The man in the iron mask ....................คนผู้ชายในหน้ากากเตารีด
Toy Story................................................เรื่องของต้อย???
Iron will ……………………………………………..จะเหล็ก
The Silence of the Lamb ........................ลูกแกะเงียบ(หนังเศร้า ชีวิตลูกแกะใบ้)
Die Hard..........................................(ตายแข็ง แข็งตาย)
Con Air ...................................................................ข้าวโพดผึ่งลม
Cast Away ..............................................................ขว้างไปไกลๆ
Windtalkers ............................................................ ลมพูดได้
Million Dollar Baby ................................................ล้านดอลจ๊ะที่รัก
Bigfish...................................................ปลาบึก
The net..................................................ตาข่าย
The Matrix.............................................ติวคณิต พิชิตเอ็นทรานซ์
The Fantastic 4........................................4 ยอดกุมาร
Ultraviolet..............................................มหาม่วง (หนังเกย์)
The Day After Tomorrow........................................มะรืนนี้
Notting Hill.............................................ไม่มีอะไรที่ภูเขา
Cat Woman............................................แมวตัวเมีย
Bat Man................................................ค้างคาวตัวผู้

"MOBILE STEAK Logo"

"Mobile Steak Logo"

This work has been a proposition that the logo of the shop we do not like or want to improve to redesign. First of all I have to do an research of the shop that I choose then can start the design process. I choose one steak "Mobile Steak" because their old logo wasn't highlight their selling point which is a steak shop that can find everywhere. I choose T-Bone steak because it was the most popular steak among the customer so I made him look like he is running and dragging the name of the shop with. And finally I choose to create the logo in the cartoon character because I think it's quite simple and easy to understand for everyone, even a child. 

ชั้นนี่แหละ~TeM-TeM**

ชั้นนี่แหละ~TeM-TeM**
私は テーム です。

It's Me!!!

Id:1470800234 Fine And Applied Art Bangkok University
Powered By Blogger

Blog Archive

Why World Hot หยุด! ภาวะโลกร้อน